Translate

วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2561

พระสุตตันตปิฎก-ชนวสภสูตร



      พระไตรปิฎก-พระสุตตันตปิฎก-ชนวสภสูตร
        ชนวนสภสูตร อยู่ในพระไตรปิฎก เล่มที่10 ทีฆนิกายมหาวัคค์เป็นที่รวมแห่งพระสูตรขนาดยาว


๕.ชนวสภสูตร

สูตรว่าด้วยยักษ์ชื่อชนวสภะ

(พระสูตรนี้ก็มีข้อความขยายความแห่งมหาปรินิพพานสูตรเช่นเดียวกันคือเล่าเรื่องที่พระผู้มีพระภาคตรัสเมื่อประทับณโรงพักคนเดินทางทําด้วยอิฐที่นาทิกคามระหว่างเสด็จสู่กรุงเวสาลี).


********************************************************************************************





      พระอานนท์กราบทูลถามถึงว่า ผู้นั้นผู้นี้ตายแล้วไปเกิดในที่ไหน และพระผู้มีพระภาคตรัสตอบเป็นราย ๆ ไป


                ในส่วนที่เกี่ยวกับพระเจ้าพิมพิสาร พระผู้มีพระภาคตรัสเล่าว่า ได้มาปรากฎต่อพระองค์ ประกาศ ตนว่าไปเกิดเป็นยักษ์ชื่อชนวสภะ และว่าตนมีความหวังจะได้บรรลุความเป็นพระสกทาคามี (คือพระเจ้า พิมพิสารเป็นพระโสดาบันอยู่แล้ว จึงหวังจะได้บรรลุขั้นต่อไป คือการเป็นพระสกทาคามี ได้แก่พระอริยบุคคล ผู้จะมาเกิดเพียงครั้งเดียว) แล้วเล่าว่า ตนได้เคยไปประชุมที่ธรรมสภาในดาวดึงสเทวโลก ได้เห็นว่าผู้ประพฤติ พรหมจรรย์ในพระผู้มีพระภาค ซึ่งไปเกิดในที่นั้นรุ่งเรืองเหนือเทพอื่น ๆ ทั้งโดยผิวพรรณ และโดยยศ พร้อม ทั้งได้เล่าถึงภาษิตต่าง ๆ ของสนังกุมารพรหม ซึ่งกล่าวในธรรมสภา มีใจความดังต่อไปนี้ :

                ๑. ผู้ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นสรณะ ทําให้บริบูรณ์ในศีล ย่อมเข้าถึงความเป็น สหายของเทพชั้นปรนิมมิตวสวัตตี (สูงสุดในชั้นกาม) ลงมาถึงชั้นจาตุมหาราช (เทพประจําทิศทั้งสี่) อย่างต่ำที่สุด ก็เป็นคนธรรพ์ (เทพที่สิงอยู่ ณ ต้นไม้).

                ๒. อิทธิบาท (คุณให้บรรลุความสําเร็จ ๔ อย่าง) ทําให้สมณพราหมณ์ในอดีต อนาคต ปัจจุบัน แสดงฤทธิ์ได้ต้วยประการต่าง ๆ.

                ๓. พระผู้มีพระภาคได้ตรัสรู้โดยลําดับ ซึ่งการบรรลุโอกาส ๓ เพื่อบรรลุความสุข, โอกาส ๓ คือ: . คนที่เคยคลุกคลีด้วยกาม ด้วยอกุศลธรรม ภายหลังไม่คลุกคลี ย่อมได้สุขโสมนัส (สุขกาย สุขใจ หมายถึง บรรลุฌานที่ ๑) . คนที่มีเครื่องปรุงกาย เครื่องปรุงวาจา เครื่องปรุงจิตอันหยาบ อันไม่สงบระงับ ภายหลัง สงบระงับได้ ย่อมได้สุขโสมนัสยิ่งขึ้น (หมายถึงได้บรรลุฌานที่ ๒ ถึงที่ ๔). ๓ คนที่ไม่รู้จักสิ่งที่เป็นกุศล อกุศล, มีโทษ, ไม่มีโทษ, ควรเสพ, ไม่ควรเสพ, เลว, ประณีต, ดํา, ขาว และมีส่วนเปรียบ ตามความเป็นจริง ภายหลังได้สดับอริยธรรมปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม จึงรู้จักสิ่งเหล่านั้นตามความจริงก็จะละอวิชชาเสียได้ วิชชาก็จะเกิดขึ้น เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะมีสุขโสมนัสยิ่งขึ้น (หมายถึงได้บรรลุอรหัตตมรรคอรหัตตผล)

                ๔. พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสติปัฏฐาน (การตั้งสติ) ๔ อย่างไว้ดีแล้ว (ทรงแสดงการตั้งสติพิจารณา กาย, เวทนา, จิต, ธรรม ทั้งภายในภายนอก).

               ๕ธรรม ๗ ประการ คือ ความเห็นชอบความดําริชอบการเจรจาชอบการกระทําชอบการ เลี้ยงชีพชอบ ความเพียรชอบการตั้งสติชอบ เป็นบริขารของสมาธิ เป็นไปเพื่อเจริญสมาธิ ทําสมาธิให้ บริบูรณ์ความที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง อันแวดล้อมด้วยองค์ ๗ เหล่านี้ ชื่อว่าอริยสมาธิ อันเรียกว่า มี อุปนิสัย (บริวารบ้าง มีบริขาร (เครื่องประกอบบ้าง.

                หมายเหตุ:- ในพระสูตรนี้ เรื่องที่เกี่ยวกับเทวดาและสวรรค์เป็นเรื่องที่พึงศึกษาและพิจารณา แต่ สาระสําคัญเห็นได้ว่า อยู่ที่ข้อธรรมอันพึงปฏิบัติที่ย่อไว้ รวม ๕ ข้อดังกล่าวมาแล้ว.











                

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น