พระไตรปิฎก - พระสุตตันตปิฎก - สุภสูตร
สุภสูตร อยู่ในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ ทีฆนิกาย สีลขันธวัคค์ เป็นสุตตันตปิฎก
๑๐.สุภสูตร
สูตรว่าด้วยการโต้ตอบกับสุภมาณพ
โตเทยยบุตร
**********************************************************************************
สูตรนี่เป็นภาษิตของพระอานนท์ เล่าเรื่องว่า
พระอานนท์อยู่ในเซตวนารามของอนาถปิณฑิกคฤหบดี ใกลักรุงสาวัตถี
เมือพระผู้มีพระภาคนิพพานแล้วไม่นาน.
ครั้งนั้นสุภมาณพผู้เป็นบุตรโตเทยยพราหมณ์ พักอาศัยอยู่ในกรุงสาวัตถี
ด้วยธุระบางอย่างและได้ส่งมาณพคนหนึ่งไปนิมนต์พระอานนท์ให้สงเคราะห์ไปเยี่ยมตนถึงที่อยู่
พระอานนท์อ้างว่าวันนี้ท่านดื่มยาต่อวันรุ่งขึ้นจึงจะไป.
ครั้นวันรุ่งขึ้นพระอานนท์ไปเยี่ยมสุภมาณพจึงถามว่าท่านอุปฐากพระโคดมผู้เจริญมานานพระโคดมสรรเสริญธรรมอะไรและชักชวนประชุมชนให้ตั้งอยู่ในธรรมอะไร, พระอานนท์ตอบว่าพระผู้มีพระภาคทรงสรรเสริญกองศีลสมาธิ
ปัญญาอันเป็นอริยะและทรงชักชวนประชุมชนให้ตั้งอยู่ในกองศีลสมาธิปัญญาอันเป็นอริยะนี, สุภมาณพถามให้อธิบายถึงกองศีล (สีลขันธ์) กองสมาธิ (สมาธิขันธ์) และกองปัญญา (ปัญญาขันธ์) อันเป็นอริยะโดยลําดับ.
พระอานนท์อธิบายกองศีล โดยใจความว่า
บุคคลมีศรัทธา ออกบวชแล้ว เว้นจากทางแห่ง อกุศล ๑๐ ประการ และศีล ๓ ประเภท (ดังกล่าวแล้วในสามัญญผลสูตร)
ส่วนกองสมาธิ อธิบายถึงการสํารวม ตา หู จมูก ลิ่น กาย ใจ (สํารวมอินทรีย์) ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ
มีความสันโดษด้วยปัจจัย คือ จีวร บิณฑบาต ชําระจิตจากนีวรณ์ (ธรรมอันกันจิตมิให้บรรลุคุณความดี) ๕ ประการ
ได้ฌานที ๑ ที ๒ ที ๓ ที่ ๔. ส่วนกองปัญญา อธิบายถึงวิชชา ๘
มีวิปัสสนาญาณ (ญาณเห็นแจ้งสภาวธรรมตามเป็นจริง) เป็นต้นจนถึงอาสวักขยญาณ (ญาณอันทําอาสวะคือกิเลสที่ดองสันดานให้สิ้นไป) เช่นเดียวกับที่ปรากฏในสามัญญผลสูตร.
เมื่อแสดงธรรมจบ สุภมาณพ โตเทยยบุตร
สรรเสริญธรรมเทศนา แสดงตนเป็นอุบาสกถึงพระ รัตนตรัยเป็นสรณะตลอดชีวิต.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น