พระไตรปิฎก - พระสุตตันตปิฎก-เกวัฏฏสูตร
เกวัฏฏสูตร อยู่ในพระไตรปิฎก เล่มที่ ๙ ทีฆนิกาย สีลขันธวัคค์ เป็นสุตตันตปิฎก
๑๑. เกวัฏฏสูตร
สูตรว่าด้วยการแสดงธรรมแก่บุตรคฤหบดีชื่อเกวัฏฏะ
*************************************************************************************
พระผู้มีพระภาคประทับ ณ ป่ามะม่วงของปาวาริกะ
ใกล้เมืองนาพันทา. ณ ที่นั้น บุตรคฤหบดีชื่อเกวัฏฏะเข้าไปเฝ้าขอให้ทรงชวนภิกษุผู้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์ได้ให้แสดงก็จะมีคนเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคยิ่งขึ้นพระผู้มีพระภาคตรัสว่าพระองค์มิได้แสดงธรรมว่าภิกษุทั้งหลายท่านจงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์
แก่คฤหัสถ์ผู้นุ่งผ้าขาว.
แม้ครั้งที่ ๒ ครั้งที่ ๓
บุตรคฤหบดีชื่อเกวัฏฏะก็ยังยืนยันจะให้ทรงชวนภิกษุผู้แสดงอิทธิปาฏิหาริย์
ได้ให้แสดงก็จะมีคนเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคยิ่งขึ้น.
พระผู้มีพระภาคจึงทรงชื้แจงว่า
ปาฏิหาริย์ที่ทรงทําให้แจ้งด้วยความรู้ยิงด้วยพระองค์เองและประกาศ
แล้ว มีอยู่ ๓
อย่าง คือ :
๑. อิทธิปาฏิหาริย์
แสดงฤทธิได้เป็นอัศจรรย์,
๒. อาเทสนาปาฏิหาริย์
ดักใจทายใจได้เป็นอัศจรรย์.
๓. อนุสาสนีปาฏิหาริย์ สั่งสอน (มีเหตุผลดี) เป็นอัศจรรย์,
แล้วทรงอธิบายวิธีแสดงฤทธิ์ได้เป็นอัศจรรย์
และสรูปในทีสุดว่า คนทีไม่มีความเชื่อความเลื่อมใส ก็อาจกล่าวได้ว่า
ภิกษุที่แสดงฤทธิ์ได้นั้น เพราะมีคันธารวิชา (วิชาของชาวคันธาระ)
อาเทสนาปาฏิหาริย์ ดักใจทายใจของคนได้
คนที่ไม่มีความเชื่อ ความเลื่อมใส ก็อาจกล่าวได้ว่า ภิกษุที่ดักใจทายใจได้นั้น
ก็เพราะมีมณิกาวิชา,
ครั้นแล้วทรงแสดงถึงอนุสาสนีปาฏิหาริย์ คือการสั่งสอนเป็นอัศจรรย์
ว่าควรประพฤติปฏิบัติอย่างไร ตลอดจนการปฏิบัติได้ผลในศีล ๓ ประเภท ในฌาน ๔ ในวิชชา
๘ (ดังกล่าวไว้แล้วในสามัญญผลสูตร).
แล้วทรงเล่าถึงภิกษุรูปหนึ่งข้องใจในปัญหาที่ว่า
ธาตุ ๔ เป็นต้น จะดับโดยไม่เหลือในที่ไหน ภิกษุ รูปนั้นเทียวตระเวนถามเทวดาต่าง ๆ
จนกระทั่งถึงท้าวมหาพรหมก็ตอบไม่ได้ ในที่สุดท้าวมหาพรหมขอให้ มาถามพระพุทธเจ้า
ซึ่งตรัสสอนเป็นใจความรวบยอดว่า ดับวิญญาณเสียได้ ธาตุ ๔ เป็นต้น ก็ดับไม่เหลือ
ในทีนั้น. (เป็นการแสดงว่าฤทธิ์ช่วยแก้ปัญหาไม่ได้ แต่คําสังสอนสําคัญกว่า) .
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น