Translate

วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2561

พระสุตตันตปิฎก-มหาโควินทสูตร



   พระไตรปิฎก-พระสุตตันตปิฎก-มหาโควินทสูตร
     มหาโควินทสูตร อยู่ในพระไตรปิฎก เล่มที่10 ทีฆนิกายมหาวัคค์เป็นที่รวมแห่งพระสูตรขนาดยาว


๖.มหาโควินทสูตร

สูตรว่าด้วยมหาโควินทพราหมณ์


********************************************************************************************







              พระผู้มีพระภาคประทับ ณ ภูเขาคิชฌกูฏ ใกล้กรุงราชคฤห์. บุตรแห่งคนธรรพ์ชื่อปัญจสิขะ เข้าไปเฝ้ากราบทูลเล่าเรื่องที่ได้พบเห็นมาจากเทพชั้นดาวดึงส์ ในที่ประชุมชื่อสุธัมมสภา ท้าวสักกะได้กล่าว พรรณนาพระคุณของพระพุทธเจ้า ๘ ประการ คือ :

                . ทรงปฏิบัติเพื่อประโยชน์และความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์ เกื้อกูลและความสุขแก่เทวาและมนุษย์

                . ทรงแสดงธรรมอันเห็นได้ด้วยตนเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกมาดู ควรน้อมเข้ามาในตน เป็นต้น.

                . ทรงแสดงธรรมอันเป็นกุศล, อกุศล, มีโทษ, ไม่มีโทษ, ควรเสพ, ไม่ควรเสพ, เลว, ประณีต, ดํา, ขาว และมีส่วนเปรียบ.

                . ทรงบัญญัติด้วยดี ซึ่งข้อปฏิบัติอันจะนําไปสู่พระนิพพานแก่พระสาวก พระนิพพานและข้อ ปฏิบัติก็เข้ากันได้เหมือนน้ำในแม่น้ำคงคากับยมุนา.

                . ทรงได้สหาย คือพระเสขะผู้ปฏิบัติ และพระอรหันต์ผู้อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว แต่ก็ทรงปลีก พระองค์จากสหายเหล่านั้น ทรงประกอบความยินดีในการอยู่แต่พระองค์เดียว

                . ทรงมีลาภ และชื่อเสียงอันเพียบพร้อม มีกษัตริย์ เป็นต้น รักใคร่ แต่ก็เสวยกระยาหาร อย่างปราศจากความเมา.

                ๗ ทรงพูดอย่างใดทําอย่างนั้น ทําอย่างใดพูดอย่างนั้น

                ๘ ทรงข้ามความสงสัย ปราศจากความเคลือบแคลง มีความดําริอันสําเร็จสมบูรณ์ 

 ทั้งแปดข้อนี้ ท้าวสักกะกล่าวว่า ไม่มีศาสดาใดเทียบพระผู้มีพระภาคทั้งในอดีตและปัจจุบัน ต่อมามีแสงสว่างอันโอฬารปรากฏขึ้น สนังกุมารพรหมก็นิรมิตอัตตภาพอันหยาบให้ปรากฏแก่ เทพชั้นดาวดึงส์ ถามทราบความว่า กําลังสนทนากันเรื่องอะไร แล้วสนังกุมารพรหมก็เล่าเรื่องโชติปาลมาณพ ผู้เป็นบุตรของโควินทพราหมณ์ ปุโรหิตของพระเจ้าทิสัมปติ ผู้ได้รับแต่งตั้งให้เป็นปุโรหิตแทนบิดาของตน เมื่อท่านถึงแก่กรรม เมื่อได้รับแต่งตั้งแล้วก็ทําหน้าที่เจริญรอยตามบิดา จนคนทั้งหลายขนานนามาว่า มหาโควินทพราหมณ์.
   ต่อมาเมื่อพระเจ้าทิสัมปติสวรรคต เรณราชกุมารผู้เป็นพระราชโอรส และเป็นพระสหายของมหาโควินทพราหมณ์ขึ้นเสวยราชย์ ก็ตรัสสั่งโควินทพราหมณ์ให้แบ่งราชสมบัติออกเป็น ๗ ส่วนส่วนหนึ่งเพื่อพระองค์ อีก ๖ ส่วนเพื่อกษัตริย์ราชกุมารอื่นๆที่เป็นพระสหายรักใคร่ จึงมี ๗ แควัน ๗ ราชธานี ดังนี้
               . แคว้นกาลิงคะ ราชธานี ชื่อทันตปุระ
               . แคว้นอัสสกะ ราชธานี ชื่อโปตนะ
               . แคว้นอวันตี ราชธานี ชื่อมาหิสสติ
               . แคว้นโสจิระ  ราชธานี ชื่อโรรุกะ
               . แคว้นวิเทหะ ราชธานี ชื่อมิถิลา
               . แคว้นอังคะ ราชธานี ชื่อจัมปา
               . แคว้นกาสี ราชธานี ชื่อพาราณสี

               มหาโควินทพราหมณ์เป็นปุโรหิตถวายอนุสาสน์แด่พระมหากษัตริย์ทั้งเจ็ดแคว้นนั้น ต่อมาได้กราบทูล ลาพระมหากษัตริย์ทั้งเจ็ดออกบวชประพฤติพรหมจรรย์ เป็นที่เคารพนับถือของคนทั้งหลาย เป็นราชาของ ราชาทั้งหลาย เป็นพรหมของพวกพราหมณ์ และเป็นเทวดาของพวกคฤหบดี ใครไอ จาม หรือพลาดหกล้ม ก็เปล่งวาจาว่า ขอนมัสการมหาโควินทพราหมณ์บ้าง สัตตบุโรหิต (ปุโรหิตของพระราชาทั้งเจ็ด) บ้าง มหาโควินทพราหมณ์ได้เจริญฌานมีพรหมวิหาร ๔ เป็นอารมณ์ มีสาวกปฏิบัติตามได้ผลเป็นอันมาก. นี้เป็นเรื่องเล่าของ สนังกุมารพรหมในเทวสภาในดาวดึงส์ ปัญจสิขะ บุตรแห่งคนธรรพ์ เล่าถวายพระผู้มีพระภาคอีกต่อหนึ่ง

        พระผู้มีพระภาคตรัสว่า พระองค์เองได้เสวยพระชาติเป็นมหาโควินทพราหมณ์ในครั้งนั้น แต่ใน ครั้งนั้น ทรงชี้ทางแก่สาวกเพียงแค่ที่จะไปอยู่ร่วมกับพรหมได้ แต่ในชาตินี้ทรงแสดงมรรค ๘ อันเป็นไปเพื่อ พระนิพพาน (สูงกว่าพรหมโลก).          







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น